โค้งดิ่ง (Vertical Curve or Profile Grade)
![]() |
\ที่มา
: https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRfCl5cc fRlGOEzytk77u11ZjVhOb0Eja5ZgUEIgDMNOSJogRZs |
ปกติในแบบก่อสร้างของกรมทางหลวงจะกำหนดค่าระดับก่อสร้างพร้อมทั้งข้อมูลโค้งตั้ง (Vertical Curve) ไว้แล้ว
โปรแกรมนี้จะนำข้อมูลโค้งตั้งมาคำนวณค่าระดับก่อสร้าง
เพื่อตรวจสอบกับค่าระดับก่อสร้างที่กำหนดไว้ว่าตรงกันหรือไม่
เนื่องจากอาจมีค่าตัวเลขที่ผิดพลาดไปอันเกิดมาจากการลอกแบบ (Draft) หรือเกิดจากการแก้ไขแบบในขณะออกแบบข้อมูลที่ใช้ประกอบด้วย
- Station เริ่มต้น
- ค่าระดับ (Elevation) ที่ Station เริ่มต้น
- PVI Station
- ค่าระดับ (Elevation) ที่ PVI Station นั้น
- Lin (ความยาวโค้งด้านเข้าที่ PVI
Sta. นั้น คือระยะราบจาก PVC - PVI)
- Lout (ความยาวโค้งด้านออกที่ PVI
Sta. นั้น คือระยะราบจาก PVI - PVT)
- Station สุดท้าย
- ค่าระดับ (Elevation) ที่ Station สุดท้าย
![]() |
ที่มา : http://kontumntang.com/images/roadwork_content/vcurve/image004.png |
หมายเหตุ - ระหว่าง Station เริ่มต้นถึง Station สุดท้าย มีได้หลาย PVI Sta.
- Lin จะเท่ากับ Lout หรือไม่ก็ได้
- Station ที่เป็น Equation ต้องเตรียมไว้ด้วย
- Station ที่เป็น Equation ต้องเตรียมไว้ด้วย
การสร้างถนนไม่สามารถกำหนดให้ระดับก่อสร้างอยู่ในระดับราบได้ตลอด
เพราะภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไม่สม่ำเสมอ เพื่อให้การเปลี่ยนทิศทางของถนนในทิศทางขึ้น และลงราบเรียบ จึงต้องใช้โค้งพาราโบลาในการปรับระดับเนื่องจากเป็นโค้งที่มีการเปลี่ยนแปลงค่าอนุพันธ์อันดับที่หนึ่งเป็นเส้นตรงและมีค่าอนุพันธ์อันดับที่สอง เป็นค่าคงที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงระดับเส้นโค้งมีความราบเรียบ(smooth transition)
คุณสมบัติของพาราโบลา
![]() |
ที่มา : http://www.kontumntang.com/index.php/download/9-used-data-category |
การเลื่อนจุด Vertex ของพาราโบลา
ในการเลื่อนจุด Vertex ของพาราโบลาจากจุด (0,0)ไปยังจุด (h,
k) ค่าของ X ในสมการจะเปลี่ยนเป็น ( x-h ) และค่า y ในสมการจะเปลี่ยนเป็น ( y-k )
|
สรุป รูปแบบของสมการพาราโบลาที่สามารถใช้ในการคำนวณโค้งดิ่ง
> > > 1. คำนวณค่าระดับบนโค้งดิ่งด้วยวิธี Offset Form < < <
สิ่งที่ควรรู้ 1. PVC คือ
จุดเริ่มโค้ง (point of curvature)
2.
PVT คือ จุดสุดโค้ง (point
of tangency)
3.
PVI คือ จุดเปลี่ยนโค้ง(point
of intersection)
4. L คือ ความยาวโค้ง (length
of curve) เป็นความยาวโค้งในแนวราบ (horizontal surface)
5. l คือ ครึ่งหนึ่งของความยาวโค้งในแนวราบ (L/2)
6. g1 คือ เกรด (%) ของเส้นสัมผัสด้านที่ผ่าน
PC (Back tangent)
7. g2 คือ เกรด(%)ของเส้นสัมผัสด้านที่ผ่าน PT
(Forward tangent)
8. A คือ ผลต่างทางพีชคณิตของเกรดระหว่าง PC และPT
ที่จุด PI (A = g2-g1)
A > 0 → โค้งดิ่งหงาย (sag curve)
A < 0 → โค้งดิ่งคว่ำ (summit curve)
9. e =
ระยะในแนวดิ่งระหว่าง PI กับเส้นโค้งพาราโบลา
10.
= ผลต่างของระยะในแนวราบจากจุดเริ่มต้นโค้ง (PVC) ถึงจุด (STA) ใดๆบนเส้นโค้ง

11.
= ผลต่างของระยะในแนวดิ่ง (offset) จากจุด (STA) ใดๆบนเส้นโค้งถึงเส้นเกรด

- ตัวอย่าง คำนวณค่าระดับทุกๆ
ระยะ 25 เมตรบนโค้งดิ่งที่ประกอบด้วยเส้นเกรด (Grade
line) ที่มีความชัน +1% (upgrade, g1) และ -2%
(downgrade, g2) ตัดกันที่จุด PVI STA. 10+500 มีค่าระดับ = 100 เมตร
และกำหนดให้มีความยาวของเส้นโค้งในแนวราบ(horizontal surface, L) = 200 เมตร
ขั้นตอนวิธีการดำเนินงาน
1. คำนวณค่า k โดยใช้สูตร
, ค่า h โดยใช้สูตร
และค่า o โดยใช้สูตร 
2. คำนวณหาค่า
ของแต่ละ STA. บนโค้งดิ่ง
จากนั้นคำนวณหาค่าระดับบน Grade line หรือค่าระดับบนเส้นสัมผัสของ
STA เหล่านั้น โดยใช้สูตร
วิธีนี้จะใช้ค่า
ตลอดระยะของ L สำหรับค่า
จะใช้ในการหาค่า e



2. คำนวณหาค่า




3. คำนวณหาค่า
ของแต่ละ STA.
ใช้สูตร
ค่า
นี้จะเป็นค่าผลต่างของระยะในแนวดิ่งจากจุดเริ่มต้นโค้ง (PVC) ถึงจุด
(STA.) ใดๆบนเส้นโค้ง



4. คำนวณหาค่าระดับบนโค้งจากสูตร

5. คำนวณค่า First
difference ของแต่ละ STA. โดยใช้สูตร
ซึ่งเมื่อนำไปเขียนกราฟจะเป็นเส้นตรง และค่า First difference ที่ STA. PVC ที่ STA. PVT จะต้องเท่ากับ
และที่จุด Vertex
point จะต้องเท่ากับ 0


6. ตรวจสอบการคำนวณโดยการคำนวณหาค่า Second difference โดยใช้สูตร
ซึ่งค่า Second
difference จะมีค่าคงที่และจะต้องเท่ากันทุกตัวและเท่ากับ
ถ้าการคำนวณถูกต้อง


ค่าต่างๆ
ที่คำนวณได้จะถูกนำมาใส่ไว้ในตารางที่จัดเตรียมขึ้นสำหรับการวางโค้งดิ่งดังแสดงในตาราง
> > > 2. คำนวณค่าระดับบนโค้งดิ่งด้วยวิธี Vertex Form < < <
สิ่งที่ควรรู้ 1. PVC คือ
จุดเริ่มโค้ง(point of curvature)
2. PVT คือ จุดสุดโค้ง(point of tangency)
3. PVI คือ จุดเปลี่ยนโค้ง(point
of intersection)
4. L คือ ความยาวโค้ง(length
of curve) เป็นความยาวโค้งในแนวราบ
5.
คือ เกรด(%)ของเส้นสัมผัสด้านที่ผ่าน PC (Back tangent)

6.
คือ เกรด(%)ของเส้นสัมผัสด้านที่ผ่าน
PT (Forward tangent)

7. A คือ ผลต่างพีชคณิตของเกรดระหว่าง PC และ PT ที่จุด PI
A > 0 →โค้งดิ่งหงาย (sag curve)
A < 0 → โค้งดิ่งคว่ำ (summit curve)
8. H คือ ระยะในแนวดิ่งระหว่าง PI กับเส้นโค้งพาราโบลา
9. R คือ รัศมีความโค้งที่จุดVertex 

- ตัวอย่าง คำนวณค่าระดับทุกๆ ระยะ 25 เมตรบนโค้งดิ่งที่ประกอบด้วยเส้นเกรด (Grade line) ที่มีความชันเมื่อเข้าโค้ง (upgrade,
g1) +1% และเมื่อออกโค้ง (downgrade, g2) -2%
ตัดกันที่จุด PVI STA. 10+500 มีค่าระดับ
= 100 เมตร และกำหนดให้มีความยาวของเส้นโค้งในแนวราบ(horizontal
surface, L) = 200 เมตร
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. คำนวณค่าพารามิเตอร์ a โดยใช้สูตร 


2. คำนวณหาค่า
ของแต่ละ STA. บนโค้งดิ่ง

3. คำนวณหาค่าระดับบน Grade line หรือค่าระดับบนเส้นสัมผัสของ
STA. เหล่านั้น โดยใช้สูตร
วิธีนี้จะใช้ค่า
ตลอดระยะของ L


4. คำนวณค่าระดับ(Elevation on Curve) ของแต่ละ
STA. โดยใช้สูตร 

5. คำนวณค่า First
difference ของแต่ละ STA.โดยใช้สูตร
ซึ่งค่า ∆′ ที่ PVC STA. จะมีค่าเท่ากับ
และค่า ∆′ ที่ PVT STA. จะมีค่าเท่ากับ
และเมื่อนำไปเขียนกราฟจะเป็นเส้นตรง และค่า First difference ที่ STA.
PVC จะต้องเท่ากับ
ที่ STA. PVT จะต้องเท่ากับ
และที่จุด Vertex
point จะต้องเท่ากับ 0





6. ตรวจสอบการคำนวณโดยการคำนวณหาค่า Second difference โดยใช้สูตร
ซึ่งค่า Second
difference จะมีค่าคงที่และจะต้องเท่ากันทุกตัวและเท่ากับ
ถ้าการคำนวณถูกต้อง


> สรุปสูตรการใช้พาราโบลาในการคำนวณโค้งดิ่ง <
ตัวอย่างII : เส้นเอียงลาดลง
( g1 ) = 4% ตัดกับเส้นเอียงลาดขึ้น ( g2 ) = 5 % ที่ STA. 2 + 450.000 ที่มีค่าระดับเท่ากับ 216.420
เมตรและที่ STA. 2 + 350.000 ใต้ท้องสะพานมีค่าระดับ
235.540 เมตรต้องการวางโค้งทางดิ่งรูปพาราโบล่าแบบสมมาตรเชื่อมแนวเส้นลาดเอียงทั้งสองโดยมีช่องว่างระหว่างใต้ท้องสะพานกับถนนเท่ากับ
14 เมตร ดังรูป
จงคำนวณหาค่าระดับบนโค้งที่ตำแหน่ง STA. 2 + 450
1: ค่าระดับบนโค้งหรือบนถนนมีค่ากับ 218.670 เมตร
2: ค่าระดับบนโค้งหรือบนถนนมีค่ากับ 220.920 เมตร
3: ค่าระดับบนโค้งหรือบนถนนมีค่ากับ 221.540 เมตร
4: ค่าระดับบนโค้งหรือบนถนนมีค่ากับ 225.420 เมตร
คำตอบที่ถูกต้อง : 2 บนถนนมีค่ากับ 220.920 เมตร
Video การวางแนวโค้งดิ่ง
Video โจทย์ตัวอย่างการวางแนวโค้งดิ่ง
-------------------------------------------------------------------