โค้งราบ(Horizontal curve)
ในการออกแบบโค้งราบปัจจุบันมีอยู่หลายแบบ ได้แก่ Simple curve, Reverse curve, Compound curve และ Spiral curve ข้อมูลของแต่ละโค้งจะมีอยู่ในแบบก่อสร้าง รายละเอียดข้อมูลที่จะต้องเตรียมในแต่ละโค้ง ได้แก่
-
PI Sta.
- ค่ามุม Delta
- ค่ามุม
Degree of Curve
- ค่าความเร็วออกแบบ
(Design Speed)
- แสดงข้อมูลโค้งโดยสังเขป
- แสดงข้อมูลโค้งโดยสังเขป
► ► ► 1.โค้งเดี่ยว ◄ ◄ ◄
ที่มา : http://upic.me/i/ie/world_13.jpg |
ที่มา : http://km.railway.co.th/info/pdf/5a85a95806e3abb424ead3a1b76eff6b.pdf |
R = ( L/△ ํ) x (180 ํ/ π)
ยกตัวอยา่งเช่น ถ้า L = 100 m และ △ = 10 ํ รัศมีของโค้งดังกล่าวจะมีค่าเท่ากับ
R = ( 100/10
)x( 180/π ) = 572.958 m
☆ คำนวณความยาวโค้ง
- L = R △
☆ คำนวณเส้นคอร์ดยาว
- Lc = 2R( sec△/2 -1)
☆ คำนวณระยะนอก
- E = R(sec △/2)
☆ คำนวณระยะกึ่งกลาง
- M = R(1- cos△/2)
☆ คำนวณระยะสัมผัส
- T = Rtan△/2
ที่มา : http://km.railway.co.th/info/pdf/5a85a95806e3abb424ead3a1b76eff6b.pdf |
สูตรการคำนวณหามุมเบนของคอร์ดต่างๆ
VIDEO ตัวอย่างการวางแนวโค้งวงกลม
► ► ► 2.โค้งผสม Compound Curve ◄ ◄ ◄
ที่มา : http://cms.toptenthailand.net/file/journal/20140225141552624/20140225141552624.jpg |
โค้งผสม คือ โค้งที่ประกอบด้วยโค้งวงกลมหลายโค้งมาต่อกัน
และจุดศูนย์กลางโค้งทั้งหมดจะอยู่ซีกเดียวกันของเส้น สัมผัส
และรัศมีของโค้งที่เชื่อมต่อกันจะยาวไม่เท่ากัน จุดที่ความยาวโค้งต่อกัน คือ Point of compound curve (PCC)
ส่วนสำคัญของโค้งผสม : มุมเหของโค้ง ร่วม (ΣΔi) รัศมีของโค้งร่วม
(Ri) เส้น
สัมผัสเส้น ยาว/เส้นสั้น (TL/TS) และ Δ ของโค้งผสม
ประโยชน์ของโค้งผสม
1. ใช้ในบริเวณที่เป็นภูเขาเพื่อปรับเส้นทาง ถนน
ให้เข้ากับภูมิประเทศและเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจร
2. ใช้ในการออกแบบช่องทางสำหรับเลี้ยวในกรณีที่ถนนสายหลักกับถนนสายรองมาตัดกัน
3. ใช้ในบริเวณทางต่อเชื่อมระหว่างถนนและทางด่วน (Ramp) ที่บริเวณ ทางขึ้นหรือทางลง หรือใช้ในการออกแบบโค้ง ของทางแยกต่างระดับ (Interchange) โดยใช้ร่วมกับโค้งก้นหอย
โค้งผสมชนิด
2 ศูนย์กลาง : Two center compound curve
ข้อมูลที่ทราบจากการสำรวจภาคสนาม: Δi ของแต่ละโค้งย่อยและค่า R ของแต่ละโค้งย่อย
VIDEO ตัวอย่างการวางแนวโค้งผสม
► ► ► 3. โค้งกลับทิศ ( Reverse Curve ) ◄ ◄ ◄
ตามปกติโค้งผสมจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ข้างเดียวกัน
แต่ในกรณีที่โค้งผสมมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงข้ามกันนั้น
เราเรียกโค้งดังกล่าวว่าโค้งกลับทิศ หรือ Reverse curve โค้งกลับทิศจะประกอบด้วยโค้งสองโค้งโดยมีจุดร่วม หรือ PRC(Point of reverse curve) หรือมีเส้นสัมผัสร่วมที่ต่อเชื่อมกันระหว่างโค้งเรียกว่า Intermediate tangent โค้งกลับทิศมักใช้ในภูมิประเทศที่เป็นภูเขา
หรือในเขตเมืองที่ไม่สะดวกต่อการรื้อตำแหน่งของเส้นโค้งทั้งสอง
โค้งผสมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงข้ามกัน
ประกอบด้วยโค้ง สองโค้งมีจุด PRC (Point of reverse curve) เป็นจุดร่วมหรือมีเส้น สัมผัสที่ต่อเชื่อมระหว่างโค้ง เรียกว่า เส้น
สัมผัสร่วม (Intermediate tangent)
ประโยชน์ของโค้งกลับทิศ
- โค้งกลับทิศมักใช้ในภูมิประเทศที่เป็นภูเขา
หรือในเขตเมืองที่ไม่สะดวกต่อการรื้อถอนและเวียนคืน
- จะสามารถลดผลกระที่จะเกิดต่อสิ่งแวดล้อมน้อย
ลักษณะโค้งกลับทิศ
1.1 รัศมียาวไม่เท่ากัน คำนวณเสมือนโค้งวงกลมสองวงต่อกัน
1.2 รัศมียาวเท่ากันคำนวณหารัศมีที่ใช้กับทั้งสองโค้งได้ดังนี้
2.2 รัศมีไม่เท่ากัน
3. โค้งกลับทิศที่เส้นสัมผัสไม่ขนานกันแต่รัศมีเท่ากัน
- AB ได้ จากการวางแนว กําหนดมุม α, β หา Δ1และ Δ2
VIDEO ตัวอย่างการวางแนวโค้งกลับทิศ
► ► ► 4.โค้งก้นหอย Transition Curve or Spiral Curve ◄ ◄ ◄
ที่มา : https://preede.files.wordpress.com/2011/09/92.jpg |
เป็นโค้งราบนิยมใช้กับถนนหรือทางรถไฟที่ต้องการให้ยวดยานเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงใช้แทนโค้งอันตราย(Sharp curve)ทางเลี้ยว ทางแยกต่างระดับ (Interchange) ทางแยก
(Intersection) ช่วยให้คนขับสามารถค่อยๆบังคับให้เลี้ยวได้ง่ายขณะที่ใช้ความเร็วสูงทำให้รถไม่เสียหลัก
แนวคิดของ Transition curve หรือ Spiral curve ทางเรขาคณิต
1. แนวคิดลดรัศมี ของโค้งวงกลม(R) ลงเท่ากับ P
3.
แนวคิดให้รัศมีโค้งและองศาโค้งเหมือนเดิม
และจุดศูนย์กลางคงที่แต่เลื่อนเสนสัมผัสโค้งวงกลมออกไป (Shift tangent line)
VIDEO ตัวอย่างการวางแนวโค้งก้นหอย
----------------------------------------------------------------------------------------
หนังสือการสำรวจเส้นทาง Route Survey: ยรรยง ทรัพย์สุขอำนวย
ดี ครับ
ตอบลบ